วันพุธที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2559


Wine Basic : 5 แหล่งผลิตไวน์ยอดนิยมอดนิยม

1. ประเทศฝรั่งเศส (France)  
        หากพูดถึงแหล่งผลิตไวน์ (Wine) ประเทศฝรั่งเศส (France) ก็จะเป็นประเทศแรก ๆ ที่คอไวน์มักจะนึกถึง เนื่องจากกรรมวิธีการผลิต และสไตล์ของไวน์ฝรั่งเศส ได้กลายเป็นต้นแบบในการผลิตไวน์ให้กับประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก 
          ฝรั่งเศส (France) นอกจากจะเป็นหนึ่งในแหล่งผลิตไวน์ที่ใหญ่ที่สุดของโลก มีปริมาณการผลิตไวน์เฉลี่ยอยู่ที่ 5,000-6,000 ล้านลิตร หรือราว 7-8 พันล้านขวด ต่อปีเลยทีเดียว และที่สำคัญพันธุ์องุ่นคลาสสิกที่เป็นที่นิยมไปทั่วโลก อย่าง เช่น  คาร์เบอร์เน โซวีญง (Cabernet Sauvignon), ชีราส (Shiraz),  แมร์โล (Merlot), ปิโน นัวร์ (Pinot Noir) และชาร์ดอนเนย์ (Chardonnay) ก็มีแหล่งกำเนิดมาจากประเทศฝรั่งเศสนี้เอง ภูมิภาคที่เป็นแหล่งผลิตไวน์สำคัญและขึ้นชื่อ ได้แก่ แคว้นบอร์โด (Bordeaux), แคว้นเบอร์กันดี (Burgundy) และแคว้นชอมปาญ หรือ แชมเปญ  (Champagne) เป็นต้น

 1.1 แคว้นบอร์โด (Bordeaux). 
        บอร์โด (Bordeaux) เป็นแหล่งปลูกไวน์ที่ใหญ่ที่สุดในฝรั่งเศส ผลิตเฉลี่ยถึงปีละ 700 ล้านขวด เป็นไวน์แดง (Red Wine) มากถึง 98 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งมักจะนำองุ่นหลากหลายชนิด เช่น คาร์เบอร์เน โซวีญง (Cabernet Sauvignon), แมร์โล (Merlot) และคาร์เบอร์เน ฟร็อง (Cabernet Franc) มาเบลนด์ (Blend) เข้าด้วยกัน จะได้ไวน์ซึ่งเรียกว่า “บอร์โดเบลนด์ (Bordeaux Blend Wine)” ส่วนไวน์ที่มีชื่อเสียงรองลงมา ได้แก่ ไวน์ขาวหวาน (Dessert White Wine) จากเขตโซแตร์ (Sauternes) เป็นต้น

1.2 แคว้นเบอร์กันดี (Burgundy)

        เบอร์กันดี (Burgundy) คือเขตที่มีมาตรฐานการผลิตไวน์ค่อนข้างสูง มีไร่ไวน์ที่ถูกจัดอันดับให้อยู่ในระดับกรองครู (Grand Cru) อยู่ค่อนข้างเยอะ ไวน์ที่มีชื่อเสียงจากแคว้นเบอร์กันดี (Burgundy) คือ ไวน์แดงแบบดราย (Dry Red Wine) จากองุ่นพันธุ์ปิโน นัวร์ (Pinot Noir) และไวน์ขาว (White Wine) จากองุ่นพันธุ์ชาร์ดอนเนย์ (Chardonnay) จากเขตชาบลีส์ (Chablis) เป็นต้น

1.3 แคว้นชองปาญ หรือ แชมเปญ (Champagne)

        แชมเปญ หรือชองปาญ (Champagne) ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศฝรั่งเศส (France) โด่งดังมาจากการผลิตไวน์ประเภทสปาร์คกลิ้ง (Sparkling Wine) ที่กลายเป็นที่นิยมไปทั่วโลกในเวลาต่อมา แต่เราจะเรียกสปาร์คกลิ้งไวน์ว่าแชมเปญ (Champagne) ได้ ก็ต่อเมื่อสปาร์กลิ้งไวน์นั้น ถูกผลิตขึ้นที่เขตแชมเปญ หรือชองปาญ เท่านั้น ซึ่งปัจจุบันแชมเปญกลายเป็นไวน์แห่งการเฉลิมฉลองและชัยชนะที่นิยมไปทั่วโลก

2. ประเทศอิตาลี (Italy)

        ประเทศอิตาลี (Italy) เป็นแหล่งผลิตไวน์โลกเก่า หรือ  “โอล เวิล์ด ไวน์ (Old World Wine)” อีกแห่งหนึ่งของโลก ผลิตไวน์ราว 4,500-5,000 ล้านลิตรต่อปี และส่งออกไวน์เป็น 1 ใน 3 ของไวน์ที่ผลิตจากทั่วโลก แต่ใช่ว่าจะเน้นส่งออกเพียงอย่างเดียวนะ เพราะจริง ๆ แล้วชาวอิตาลีดื่มไวน์เป็นชีวิตจิตใจ หนึ่งคนจะดื่มไวน์เฉลี่ยถึงปีละ 42 ลิตรเลยทีเดียว ในอิตาลีนั้น มีไร่ไวน์แทบทุกภูมิภาคของประเทศ กินเนื้อที่กว่า 1 ล้านไร่ ส่วนแหล่งผลิตไวน์สำคัญของอิตาลี ได้แก่ แคว้นเวเนโต้ (Veneto) และแคว้นทัสคานี (Tuscany)

2.1 แคว้นเวเนโต้ (Veneto)

        เวเนโต้ (Veneto) มีกำลังการผลิตไวน์ คิดเป็น เป็น 1 ใน 3 ของประเทศ แคว้นเวเนโต้ ถือว่าเป็นแคว้นที่ได้เปรียบ เพราะติดทั้งเทือกเขาแอลป์ (Alps) ที่มีอากาศหนาว และทะเลเอเดรียติก (Adriatic) ที่อบอุ่น จึงสามารถปลูกองุ่นที่มีความหลากหลายได้ ไวน์ที่โดดเด่นได้แก่ ไวน์โซอาเว่ (Soave) ไวน์ขาวอิตาลีแบบดราย และไวน์อมาโรเน่ (Amarone) ราชาไวน์แดงแห่งอิตาลี นั่นเอง

2.2 แคว้นทัสคานี (Tuscany)

        ทัสคานี (Tuscany) ตั้งอยู่ในภาคกลางของประเทศอิตาลี ติดกับแนวชายฝั่งทะเลติร์เรเนียน (Tyrrhenian Sea) เป็นแหล่งที่ตั้งของเขตผลิตไวน์ชื่อดังมากมาย เช่น เคียนติ (Chianti), บรูเนลโล ดิ มอนตัลชิโน่ (Brunello di Montalcino) และวิโน โนบิเล ดิ มอนเตพูลชาโน่ (Vino Nobile di Montepulciano) องุ่นหลักยอดฮิตของแคว้นทัสคานี (Tuscany) ได้แก่ องุ่นพันธุ์ซานโจเวเซ่ (Sangiovese) ส่วนไวน์ขึ้นชื่อนั้น คือไวน์หวาน วิน ซานโต้ (Vin Santo)

3. ประเทศสหรัฐอเมริกา (United States of America)

        แม้ว่าประเทศสหรัฐอเมริกา (United States of America) จะถูกจัดอันดับให้เป็นแหล่งผลิตไวน์ที่ใหญ่รองจากประเทศผู้ผลิตติดท็อปโลก อย่าง ฝรั่งเศส (France), อิตาลี (Italy) และสเปน (Spain) แต่แหล่งผลิตไวน์กว่า 90 เปอร์เซ็นต์ กลับกระจุกตัวอยู่แค่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย (California) เท่านั้น ซึ่งเขตการผลิตที่มีชื่อเสียง และค่อนข้างคุ้นหูคอไวน์ ก็ได้แก่ นาป้า วัลเลย์ (Napa Valley) และโซโนมา เคาน์ตี้ (Sonoma County) พันธุ์องุ่นยอดฮิตที่นิยมปลูก ได้แก่ คาร์เบอร์เน โซวีญง (Cabernet Sauvignon) และชาร์ดอนเนย์ (Chardonnay)

3.1 นาป้า วัลเลย์ (Napa Valley)

       ไวน์จากนาป้า วัลเลย์ (Napa Valley) ค่อนข้างมีชื่อเสียงในเรื่องของคุณภาพ และความพรีเมี่ยม เนื่องมาจาก สภาพอากาศ, ภูมิประเทศ และ
ธรณีวิทยา ของบริเวณนั้น คล้ายคลึงกับแถบชายฝั่งเมดิเตอร์เรเนียน (Mediterranean) จึงเพอร์เฟคมากแก่การเพาะปลูกองุ่นแทบทุกสายพันธุ์


3.2 โซโนม่า เคาน์ตี้ (Sonoma County)

        โซโนม่า เคาท์ตี้ (Sonoma County) เป็นหนึ่งในเขตปลูกองุ่นที่ใหญ่ที่สุดของประเทศอเมริกา สภาพภูมิอากาศแบบเชิงเขา และผืนดินที่มีการทับถมของแร่ธาตุสูง จึงเหมาะกับการปลูกองุ่น เช่น กาแบร์เน โซวีญง (Cabernet Sauvignon), ชาร์ดอนเนย์ (Chardonnay), ปีโน นัวร์ (Pinot Noir), โซวีญง บล็อง (Sauvignon Blanc) และซินฟานเดล (Zinfandel) เป็นต้น

4.ประเทศออสเตรเลีย (Australia) 

        สำหรับประเทศออสเตรเลีย (Australia) ไวน์ (Wine) ไม่ได้เป็นแค่เครื่องดื่ม แต่เป็นอุตสาหกรรมใหญ่ที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ, การจ้างงาน และการท่องเที่ยว ให้เจริญเติบโตขึ้นได้ ประเทศนี้มีการผลิตไวน์ เฉลี่ยถึงปีละ 750 ล้านลิตร แต่ภายในประเทศ กลับมีเพียง 40 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ดื่มไวน์ องุ่นสายพันธุ์หลักของออสเตรเลีย ได้แก่ ชีราส  (Shiraz) และ ชาร์ดอนเนย์ (Chardonnay)

4.1 บารอสซ่า วัลเลย์ (Barossa Valley)
        สำหรับใครที่เป็นแฟนตัวยงขององุ่นพันธุ์ชีราส (Shiraz) ควรลิ้มลองไวน์แดงชีราส (Shiraz Red Wine) จากบารอสซ่า วัลเลย์ (Barossa Valley) ที่มาด้วยรสสัมผัสหนักแน่นแบบฟูลบอดี้ (Full-Bodied), หอมละมุนกลิ่นช็อกโกแลต และความเผ็ดเล็ก ๆ ที่ปลายลิ้นอย่างมีเสน่ห์ ซึ่งช่วยส่งให้บารอสซ่า วัลเลย์ (Baroosa Valley) กลายเป็นแนวหน้าในอุตสาหกรรมไวน์ออสเตรเลีย และยังทำให้ไวน์แดงชีราส จากออสเตรเลีย โด่งดังไปทั่วโลกอีกด้วยนะ

4.2 มาร์กาเร็ต ริเวอร์ (Margaret River)
     หากท่านกำลังหาไวน์เกรดพรีเมี่ยมจากประเทศออสเตรเลีย (Australia) ให้ลองมองหาไวน์จากมาร์กาเร็ต ริเวอร์ (Margaret River) เพราะไวน์พรีเมี่ยมกว่า 20 เปอร์เซ็นต์จากออสเตรเลีย ล้วนผลิตขึ้นจากพื้นที่นี้ทั้งนั้น ไวน์ขึ้นชื่อ ได้แก่ ไวน์สแดงไตล์บอร์โด (Bordeaux) จากองุ่นพันธุ์กาแบร์เน โซวีญง (Cabernet Sauvignon) 

5. ประเทศชิลี (Chile)
        ประเทศชิลี (Chile) คือ ผู้ส่งออกไวน์เป็นอันดับที่ 5 ของโลก เสน่ห์ของไวน์ชิลี ส่วนหนึ่งนั้น มาจากสภาพภูมิอากาศ ที่เป็นส่วนผสมอันลงตัวระหว่างอากาศแบบประเทศฝรั่งเศส (France) และชายฝั่งทะเลแปซิฟิก (Pacific Coast) เข้าด้วยกัน ไวน์ที่ควรลิ้มลองเมื่อไปชิลีก็คือ ไวน์แดง (Red Wine) จากองุ่นพันธุ์กาแบร์เน โซวีญง (Cabernet Sauvignon), แมร์โล (Merlot) และโดยเฉพาะ ไวน์จากองุ่นพันธุ์การ์เมเนีย (Carmenere) ที่เป็นความภาคภูมิใจของวงการไวน์ชิลี (Chile) เพราะองุ่นพันธุ์นี้ รู้จักในนาม “องุ่นที่เคยสูญพันธุ์” ไปจากแคว้นบอร์โด (Bordeaux) ประเทศฝรั่งเศส นั่นเอง

5.1 ไมโป วัลเลย์ (Maipo Valley)
       ไมโป วัลเลย์ (Maipo Valley) เป็นแหล่งผลิตไวน์ซึ่งตั้งอยู่ทางใต้ของเมืองหลวง ประเทศชิลี (Chile) ไวน์แดงจากองุ่นพันธุ์คาร์เบอร์เน โซวีญง 
(Cabernet Sauvignon) ถือว่าโด่งดังในระดับเวิล์ดคลาสอย่างมาก หุบเขาไมโปแบ่งออกเป็น 3  ส่วน ได้แก่ เซ็นทรัล ไมโป (Central Maipo), แปซิฟิก ไมโป (Pacific Maipo) และอัลโต ไมโป (Alto Maipo) ที่มีอากาศสดชื่น และแห้ง ซึ่งช่วยดึงความเฟรช และสดใสของไวน์ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม










วันอังคารที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2559

                                แหล่งช้อปปิ้งในปารีส

       ปารีส ได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงแฟชั่นของโลก เป็นเมืองที่เปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา เต็มไปด้วยร้านค้า และห้างสรรพสินค้า ต่างๆ มากมาย ซึ้งจะมีทั้งเสื้อผ้า ที่ออกแบบจากนักออกแบบชื่อดัง และยังสนุกไปกับการซื้อของ และเดินท่องไปยังถนนต่างๆ ของปารีส ซึ้งนักช้อปไม่ควรพลาด เรียกว่า เดินทั้งวันก็ไม่มีเบื่อ   

แหล่งช้อปปิ้งในปารีส-Champss Elyysees
            ชองป์เอลิเซ่  ได้รับขนานนามว่าเป็นถนนที่สวยที่สุดในโลก เป็นถนนในเขตที่ 8 ของกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เป็นย่านการค้า  ที่ประกอบด้วยด้วย โรงละคร ร้านค้าหรูหรา  สองข้างทางมีต้นเซสนัด ปลูกเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ ชองป์เอลิเซ่ มาจาก คำว่า เอลิเซี่ยม จากเทพปกรณ์ณัมกรีกในภาษา ฝรั่งเศส
          จนกระทั้ง ปี ค.ศ 1616 มาริ เดอ เมริชิ สมเด็จพระราชินีนาถแห่งฝรั่งเศส ทรงขยายพื้นที่สวนย่อมของพระราชวังตุยเลอรีล์ เป็นถนนที่มีต้นไม่สองข้างทาง ในปี 1724 ได้รับการขยายไปเชื่อมกับ จัตุรัสแห่ง
ดวงดาว ( ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น จัตุรัสชาร์ลล์ เดอ โกลลล์ เป็นที่ตั้งของประตูชัยฝรั่งเศส) จนปัจจุบัน ถนนสายนี้ได้รับการขนานนามว่า เป็นถนนที่สวยที่สุดในโลก

แหล่งช้อปปิ้งในปารีส-Galleries Lafayette
แกลเลอรี่ลาฟาร์แยตต์ เป็นห้างสรรพสินค้าที่มีชื่อเสียง และใหญ่ที่สุดในฝรั่งเศส เป็นห้างเก่าแก่อยู่คู่ฝรั่งเศสมาตั้งแต่ปี 1893 มีสาขากระจายอยู่ตามเมืองใหญ่ๆทั่วประเทศ โดยเฉพาะ แกลเลอรี่ลาฟาแยตต์ สาขาถนน โฮสมานน์ ในปารีสนั้น เป็นทสาขาที่ใหญ่ที่สุด มีสิ้นค้าแบรนด์เนม ให้เลือกซื้อหาหลากหลาย ตั้งแต่เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องสำอาง เครื่องประดับ ของตกแต่งบ้าน น้ำหอม ไปจนถึงไวน์ชื่อดังของฝรั่งเศส
ทางห้างจัดกิจกรรมส่งเสรมการขาย โดยจัดเทศกาลลดราคาในช่วงต่างๆตลอดปี คือ
-Summer Sale จากปลายเดือนมิถุนายน-ต้นเดือนกรกฎาคม เป็นเวลา 5 สัปดาห์
Winter Ssle จากกลางเดือนมกราคม – ต้นเดือนมีนาคม เป็นเวลา 5 สัปดาห์เช่นเดียวกัน
ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ( ปลายเดือนเมษายน/ต้นเดือนพฤภาคม) และฤดูใบไม้ร่วง (ปลายเดือนพฤษจิกายน/ต้นเดือนธันวาคม) จัดรายการลดราคาสินค้าคอลเลคชั่นใหม่อีกราว  1 สัปดาห์ และในช่วง 3 สัปดาห์ก่อนถึงวันคริสต์มาส ก็ยังมีกิจกรรมลดสินค้าส่งท้ายปลายปีอีกครั้ง และตัวอาคารก็จะจัดตกแต่งประดับประดาด้วยไฟคริสต์มาสอย่างอลังการสวยงามตระการตา


แหล่งช้อปปิ้งในปารีส-Galleries Lafayette
 กรุงปารีส นับเป็นเมืองน่าเที่ยวที่สุดเมืองหนึ่ง ที่หากใครได้ไปเยือนแล้วก็ตกหลุมรัก ในบรรยากาศอันสุดจะแสนโรแมนติกของเมืองนี้ จนอยากจะกลายเป็นคนเมืองนี้ขึ้นมา

วันพุธที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2559

อาหารขึ้นชื่อของฝรั่งเศส


         
ครัวซอง ( croissant) คือขนมอบชนิดหนึ่งที่กรอบ ชุ่มเนย และโดยทั่วไปจะมีลักษณะโค้งอันเป็นที่มาของชื่อ “croissant” ซึ่งในภาษาฝรั่งเศสหมายถึง “จันทร์เสี้ยว” บางทีก็ถูกเรียกว่า crescent roll (โรลจันทร์เสี้ยว)การทำครัวซองค์จะต้องใช้แป้งพายชั้น (puff pastry – พัฟ เพสทรี่) ที่ผสมยีสต์ นำมารีดให้เป็นแผ่น วางชั้นของเนยลงไป พับและรีดให้เป็นแผ่นซ้ำไปมา ตัดเป็นแผ่นสามเหลี่ยม นำไปม้วนจากด้านกว้างไปด้านแหลม บิดปลายให้โค้งเข้าหากัน อบโดยใช้ไฟแรงให้เนยที่แทรกอยู่เป็นชั้นดันแป้งให้ฟูก่อน จึงค่อยลดไฟลงไม่ให้ไหม้






เมดิเตอเรเนียนคีช
          คีช ( quiche) เป็นอาหารจานอบชนิดหนึ่งโดยมีส่วนประกอบหลักคือ ไข่ นม หรือ ครีม ถึงแม้ว่าคีชจะมีลักษณะคล้ายพายแต่คีชถูกจัดเป็นอาหารคาว โดยในคีชอาจมีส่วนประกอบอื่นเช่น เนื้อสัตว์ ผัก เนยแข็ง ได้
ถึงแม้ว่าคีชจะมีส่วนประกอบหลายอย่างคล้ายอาหารประเภทพาสตา แต่ไม่ถูกจัดว่าเป็นส่วนหนึ่งของพาสตา



         ราทาทุย ( Ratatouille ) เป็นอาหารพื้นเมืองของฝรั่งเศส ในเขต Provençal โดยมีลักษณะเป็นสตูว์ผัก มีต้นกำเนิดมาจากเมือง Nice ทานตอนใต้ของฝรั่งเศส อาหารชนิดนี้มีชื่อเต็มว่า ratatouille niçoise  คำว่า ratatouille มาจากภาษาอ็อกซิตันว่า “ratatolha” ราทาทุยปัจจุบันพบเห็นได้ที่ Occitan Provença และ Niça โดยมักจะทำในหน้าร้อนโดยใช้ผักในฤดูร้อน Ratatolha de Niça สูตรดั้งเดิมนั้นจะใช้เพียงแค่ ซุชีนี่, มะเขือเทศ, พริกหยวกแดงและเขียว, หัวหอม, และกระเทียม ราทาทุยในปัจจุบันจะมีการใส่มะเขือลงไปในส่วนผสมด้วย


ขนมปังฝรั่งเศส 
            บาเกต ( baguette) หรือ ขนมปังฝรั่งเศส เป็นขนมปังมีลักษณะรูปทรงเป็นแท่งยาวขนาดใหญ่ เปลือกนอกแข็งกรอบ เนื้อในนุ่มเหนียว และเป็นโพรงอากาศ มักนำมาหั่นเฉียงเป็นแผ่นหนา เพื่อรับประทานกับซุป ปาดเนยสด หรือประกอบทำเป็นแซนด์วิช



วันอังคารที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2559

สุดยอดเมืองน่าเที่ยวสหรัฐอเมริกาที่ในชีวิตนี้ต้องไม่พลาด

  ลาสเวกัส (Las Vegas) รัฐเนวาดา (Nevada)





      เมืองที่ตั้งอยู่กลางทะเลทรายแต่อัดแน่นไปด้วยคาสิโนรีสอร์ทชื่อดัง โรงแรมสุดหรู และโชว์ระดับโลกสุดอลังการ นอกจากนี้ยังมีเขื่อนฮูเวอร์ (Hoover Dam) เขื่อนยักษ์ที่เคยใช้ถ่ายทำภาพยนต์ทรานสฟอเมอร์และซุปเปอร์แมน พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำมันดาเลย์ (Mandalay Bay Shark Reef) หน้าผาหินแดงเรดร็อค (Red Rock Canyon) รวมไปถึงพิพิธภัณฑ์ป้ายไฟนีออนมิวเซียม (Neon Museum) ที่น่าสนใจ ที่สำคัญคุณต้องไม่พลาดการแสดงโชว์แสงสีเสียงที่มีให้นักท่องเที่ยวดูฟรีๆ ที่หลายโรงแรมจัดมาประชันกันเพื่อเรียกลูกค้ายามค่ำคืน

ออร์ลันโด (Orlando) รัฐฟลอริดา (Florida)



            เมืองแห่งความบันเทิงครบครัน ทั้งสวนสนุกดิสนีย์แลนด์ (Disneyland) สวนสัตว์น้ำซีเวิลด์ (Sea    World) ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ (Universal Studio) รีสอร์ทสุดหรู สปาชั้นเลิศ พิพิธภัณฑ์ เมืองโบราณและร้านอาหารชั้นนำ เรียกได้ว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวสุขสันต์ของครอบครัว ไฮไลท์ที่ห้ามพลาดคือการไปเที่ยวพร้อมถ่ายรูปกับปราสาทเทพนิยาย และชมขบวนพาเหรดในเมจิคคิงดอม (Magic Kingdom) ที่ดิสนีย์แลนด์

แฟร์แบงค์ (Fairbanks) รัฐอลาสก้า (Alaska)




          เมืองที่เราสามารถชมแสงเหนือออโรรา (Northern Light Aurora) ที่ชัดเจนอีกแห่งของโลก ซึ่งเป็นปรากฎการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นในช่วงกลางสิงหาคมถึงเมษายน รวมไปถึงธารน้ำแข็งกลาเซียร์ (Glacier) ที่เชื่อว่าจะละลายหมดภายในไม่กี่ปีข้างหน้าเพราะอุณหภูมิของโลกที่ร้อนขึ้น สำหรับผู้ที่ชอบงานศิลปะไม่ควรพลาดการแข่งขันศิลปะน้ำแข็งโลก (World Ice Art Championships) ที่มีการประกวดและแสดงผลงานประติมากรรมน้ำแข็งที่งดงาม ที่จะจัดขึ้นในช่วงกุมภาพันธ์ถึงต้นมีนาคม

ซานฟรานซิสโก (San Francisco) รัฐแคลิฟอร์เนีย (California)



        เมืองเก๋ๆ ชิวๆ ที่มีที่เที่ยวและสถาปัตยกรรมต่างๆ ที่สวยงาม อย่างเช่นวังแห่งศิลปะ (The Palace of Fine Arts) ถนนลอมบาร์ด (Lombard Street) ที่คดเคี้ยวสวยงาม และย่านไชน่าทาวน์ ส่วนกิจกรรมท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมคือการเดินทอดน่องในเขตโนอิวัลเลย์ (Noe Valley) ชิมซุปหอยข้น (Clam Chowder) และชมสิงโตทะเลผึ่งแดดที่ท่าเรือ 39 (Pier 39) หรือจะขึ้นรถรางเก่าชมเมือง ที่สำคัญที่คุณต้องไม่พลาดคือการไปชมและถ่ายรูปคู่กับสะพานโกลเดนเกต (Golden Gate Bridge) ซึ่งเป็น
สัญลักษณ์ของเมืองนี้





วันจันทร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2559

อาหารฝรั่งเศส ที่ได้พอเมื่อไปเที่ยวฝรั่งเศสต้องรับประทาน

1. Quiche 
คีช เป็นอาหารจานอบชนิดหนึ่งโดยมีส่วนประกอบหลักคือ ไข่ นม หรือ ครีม ถึงแม้ว่าคีชจะมีลักษณะคล้ายพายแต่คีชถูกจัดเป็นอาหารคาว โดยในคีชอาจมีส่วนประกอบอื่นเช่น เนื้อสัตว์ ผัก เนยแข็ง ได้ ถึงแม้ว่าคีชจะมีส่วนประกอบหลายอย่างคล้ายอาหารประเภทพาสตา แต่ไม่ถูกจัดว่าเป็นส่วนหนึ่งของพาสตา


2. Ratatouille 
ราทาทุย หรือ แรททาทูอี เป็นอาหารพื้นเมืองของฝรั่งเศส โดยมีลักษณะเป็นสตูว์ผัก มีต้นกำเนิดมาจากเมือง Nice ทานตอนใต้ของฝรั่งเศส อาหารชนิดนี้มีชื่อเต็มว่า ratatouille ni?oise คำว่า ratatouille มาจากภาษาอ็อกซิตันว่า "ratatolha" ราทาทุยปัจจุบันพบเห็นได้ที่ Occitan Proven?a และ Ni?a โดยมักจะทำในหน้าร้อนโดยใช้ผักในฤดูร้อน Ratatolha de Ni?a สูตรดั้งเดิมนั้นจะใช้เพียงแค่ ซุชีนี่, มะเขือเทศ, พริกหยวกแดงและเขียว, หัวหอม, และกระเทียม ราทาทุยในปัจจุบันจะมีการใส่มะเขือลงไปในส่วนผสมด้วย ปกติราทาทุยจะเสิร์ฟเป็นอาหารข้างเคียงกับอาหารหลัก หรือบางครั้งก็เสิร์ฟเป็นอาหารหลักบนโต๊ะอาหาร


3. soufflé 
ซูเฟล เป็นเค้กชนิดหนึ่ง เนื้อเบา ฟูนุ่ม ใช้เสิร์ฟเป็นของหวานหรืออาหารว่าง ซูเฟลมีหลายแบบเช่น ซูเฟลซอสปู ซูเฟลช็อกโกแลต


4. French Wine 
ไวน์ของประเทศฝรั่งเศสนั้น เป็นที่นิยมมาก ซึ่งได้มีการจัดให้เป็นไวน์ที่มีรสชาติดีที่สุดในโลกเลยทีเดียว ในฝรั่งเศสมีแหล่งผลิตไวน์อยู่ทั่วประเทศ ซึ่งมีการผลิตไวน์มากเป็นอันดับที่สองของโลกรองจาก ประเทศ สเปน เท่านั้น 
ไวน์ที่ดีนั้นขึ้นอยู่กับรสนิยมของผู้ดื่มเอง ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามแต่ละคน แต่โดยการแนะนำของผู้คนจำนวนมากแล้ว ไวน์จาก 
ประเทศฝรั่งเศสเป็นถิ่นกำเนิดไวน์ชั้น เยี่ยม อาทิ แชมเปญ บอร์โดซ์ เบอร์กันดี และไม่มีประทศใดในโลกที่สามารถผลิตไวน์ได้หลากหลายชนิดเท่าฝรั่งเศส ไวน์เป็นสัญญลักษณ์เฉพาะของงานเลี้ยง วิธีการและขั้นตอนในการดื่มไวน์จะเป็นตัวช่วยเพิ่มคุณค่าและรสชาติที่ดีของไวน์ได้ การชิม ไวน์ ของ ฝรั่งเศสนั้น เนื่องจากเขตพื้นที่ที่มีการปลูกองุ่นในประเทศฝรั่งเศสครอบคลุมพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล จากเหนือจรดใต้ จากตะวันออกจรดตะวันตก ระยะห่างนี้ก่อให้เกิดความแตกต่างระหว่างเขตพื้นที่ ซึ่งมีผลต่อลักษณะของดินที่ใช้ปลูกองุ่น ทิศทางที่หันเข้าหาดวงอาทิตย์และภูมิอากาศ และนี่ก็เป็นเหตุผลที่ว่าเหตุใดไวน์ที่ได้จากเขตเพาะปลูกองุ่น จึงมีลักษณะเฉพาะตัวที่ต่างกันออกไป ประเทศฝรั่งเศสให้ผลผลิตไวน์ นานาชนิดแก่นักชิมไวน์ทั้งหลาย คือมีไวน์ appellations กว่า 400 ชนิด และแว็งเดอเปยี อีกมากมายหลายชนิดด้วยกัน ซึ่งมีสีสัน รสชาด และลักษณะเฉพาะตัวให้เลือกตามรสนิยม และความพอใจอย่างเหลือเฟือ



วันพฤหัสบดีที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2559



กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส


           ปารีสเป็นจุดหมายปลายทางในฝันของนักเดินทาง สิ่งที่นักท่องเที่ยวเกือบทุกคนต้องการเห็นเมื่อไปถึงปารีสวันแรกคือหอไอเฟล จากนั้นโดยปกติก็จะอยากเห็นพิพิธภัณฑ์ลูฟ พระราชวังแวร์ซาย เรื่อยไปจนถึงมหาวิหารอย่างนอร์ทเธอร์ดาม และซาเคอร์เคอร์ จากนั้นจึงอยากจะสัมผัสกับย่านความบันเทิงยามราตรีที่มีชื่อกระฉ่อนโลกคือ มูแลงรูจ ในย่านปิกาเล่อันเต็มไปด้วยมายาและความหลอกลวงที่มนุษย์จะสรรหามาเล่นสนุกกัน สถานที่เหล่านี้ประดุจหลักชัยสำหรับนักเดินทางที่ต้องไปเยือนให้ได้ครั้งหนึ่งในชีวิต
       
          แม้ว่าในที่สุดหอไอเฟลที่ดูน่าตื่นเต้นจะดูเหมือนโครงเหล็กรูปตัวเอธรรมดา ๆ หากได้อยู่ที่ปารีสนานาน ๆ สักสัปดาห์หนึ่ง แต่ส่วนอื่น ๆ ของปารีสยังดูมีมนต์ขลังให้ค้นหาอยู่อย่างไม่หมดสิ้น สถาปัตยกรรมอาคารบ้านเรือนที่ตั้งตระหง่านอวดทรวดทรวงสูง 7 ชั้นโดยประมาณแทบทุกหลัง พร้อมทั้งลายเหล็กดัดที่เฉลียง ทำให้คิดคำนึงถึงความอลังการและหอมหวานของวันวานที่กองทหารของนโปเลียนกลับมาพร้อมกับชัยชนะในการรบแล้วมีดอกไม้โปรยปรายจากอาคารเหล่านี้ลงมายังท้องถนนที่เหล่าทหารเดินสวนสนามนั้น 
       ถนนชองเอลิเซ่และประตูชัย ทำให้นึกย้อนไปถึงเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์มากมาย ตั้งแต่วันที่กองทัพไทยถือธงไตรรงค์มาสวนสนามผ่านประตูชัยนี้ในฐานะผู้ชนะสงครามร่วมกับสัมพันธมิตรในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ทั้ง ๆ ที่หักหลังประเทศเยอรมันมหามิตรชาติหนึ่งที่เป็นกันชนให้สยามรอดพ้นจากยุคล่าอาณานิคมมาได้ ภาพของฮิตเลอร์ที่สวนสนามผ่านประตูชัยนี้เมื่อยาตราทัพเข้าครองฝรั่งเศสใ

สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง และภาพของกองทหารฝรั่งเศสและอเมริกันที่ยึดครองปารีสกลับคืนได้จากกองทัพนาซีเยอรมัน

        ปารีสเกือบถูกทำลายโดยคำสั่งของฮิตเลอร์เมื่อรู้ตัวว่าจะแพ้สงครามแล้ว แต่นายพลที่เยอรมันที่รักษาเมืองปารีสอยู่นั้นปฏิเสธที่จะทำลายเมืองปารีสเพราะเห็นว่าปารีสสวยงามเกินกว่าที่จะทำลาย ผลบุญของนายพลผู้นี้อย่างน้อยก็ทำให้เขาไม่เสียชีวิตในสงครามหรือถูกประหารชีวิตในฐานะอาชญากรสงคราม แต่ได้กลับไปเสียชีวิตที่บ้านเกิดอย่างสงบในเยอรมัน อย่างไรก็ตามบางส่วนของปารีสก็เคยถูกทำลายไปบ้าง เช่น หอไอเฟลเคยถูกระเบิดให้ล้มลงมา แต่ก็สามารถยกตั้งกลับใหม่เหมือนเดิมได้ในที่สุด
         
          ปารีสยังมีชื่อเสียงเรื่องการค้าขายสินค้าแฟชั่นและของสวย ๆ งาม ๆ รวมทั้งน้ำหอมฝรั่งเศสที่ขึ้นชื่อที่สุด ร้านค้าแบรนด์เนมชื่อดังเรียงรายอยู่บนถนนชองเอลิเซ่เรื่อยไปจนถึงถนนชาร์ลเดอโกล จวบจนถึงย่านธุรกิจใหญ่โตคือ ย่านลาเดอฟร็องซ์ ซึ่งมีสถาปัตยกรรมอันน่ามหัศจรรย์ที่แสดงความสามารถอันเอกอุของวิศวกรชาวฝรั่งเศส เช่น อาคารรูปกรอบรูป กรองเดอร์อาร์ค ซึ่งใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในขณะนั้นทำการเทคอนกรีตให้เป็นคานลอยฟ้าที่ยาวที่สุดในโลกได้สำเร็จ นอกจากนั้นในย่านนี้นักท่องเที่ยวจะสามารถพบเห็นอาคารโรงแรมฮิลตันที่กรุงปารีสซึ่งเป็นที่มาของนามสตรีผู้มั่งคั่ง สวย แต่อาจจะไม่ฉลาดเท่าใดนัก แต่ก็ดังไปทั่วโลกคือ ปารีส ฮิลตัน

          ความน่าตื่นเต้นของปารีสเล่าสามวันสามคืนก็ไม่หมดทั้งในด้านที่สวยงามชมแล้วเจริญหูเจริญตา และในด้านที่สกปรกและไร้ระเบียบตามปกติของเมืองใหญ่ใด ๆ ในโลก ไม่ว่าจะมองปารีสอย่างไร เมืองนี้ก็ยังคงครองความเป็นเมืองเอกของโลกที่ดึงดูดให้มีผู้มาเยี่ยมเยือนมากที่สุดในโลกอย่างต่อเนื่องมาอย่างไม่เสื่อมคลาย